Reds (1981) - หนังชีวิต ภาพยนตร์ 195 นาที. Reds - Ein Mann kämpft für Gerechtigkeit, Reds: The John Reed Story, John Reed: The Ten Days That Shook the World, Comrades, Les rouges, The John Reed and Louise Bryant Story, Rojos. ความรักของนักข่าวอเมริกันที่เข้าร่วมต่อต้านการเมืองกับหญิงสาวที่ทิ้งสามีของเธอเพื่อไปหาเขา ท่ามกลางความไม่สงบของสงครามกลางเมืองในอเมริกาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งการเดินทางของคนทั้งสองไปหาข้อมูลยังสหภาพโซเวียต ในช่วงเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักข่าวต่อระบอบการปกครองในอเมริกาเช่นกัน - วอร์เร็น บีทตี้ โชว์ความสามารถในหนังเรื่องนี้โดยการอำนวยการสร้างเอง กำกับเอง แสดงเอง และเขียนบทเอง พร้อมทุนสร้างหนังสูงสุดประจำปี แต่ขณะเดียวกัน ตัวหนังก็ทำให้ วอร์เร็น บีทตี้ คว้าออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากอเมริกาไปครอง มอรีน สทาเพลทั้น คว้าออสการ์สมทบหญิงไปครอง husband wife relationship, world war i, war correspondent, biography, based on true story, co-workers relationship, docudrama, russian revolution (1917), russian history, greenwich village, russian civil war (1918-21), 1920s, 1910s, political repression, government witch hunt, bolshevism, soviet union history, american journalist
Reds (1981)
Reds - Ein Mann kämpft für Gerechtigkeit, Reds: The John Reed Story, John Reed: The Ten Days That Shook the World, Comrades, Les rouges, The John Reed and Louise Bryant Story, Rojos-
เปิดตัว: Dec 25, 1981
เวลา: 195 นาที
: 4.1/10 โดยผู้ใช้ 326 คน
Crew: Warren Beatty (Director), Elaine May (Additional Writing), Laurie Shane (Gaffer), Warren Beatty (Producer), Vittorio Storaro (Director of Photography), Simon Holland (Art Direction)
ความรักของนักข่าวอเมริกันที่เข้าร่วมต่อต้านการเมืองกับหญิงสาวที่ทิ้งสามีของเธอเพื่อไปหาเขา ท่ามกลางความไม่สงบของสงครามกลางเมืองในอเมริกาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมทั้งการเดินทางของคนทั้งสองไปหาข้อมูลยังสหภาพโซเวียต ในช่วงเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักข่าวต่อระบอบการปกครองในอเมริกาเช่นกัน - วอร์เร็น บีทตี้ โชว์ความสามารถในหนังเรื่องนี้โดยการอำนวยการสร้างเอง กำกับเอง แสดงเอง และเขียนบทเอง พร้อมทุนสร้างหนังสูงสุดประจำปี แต่ขณะเดียวกัน ตัวหนังก็ทำให้ วอร์เร็น บีทตี้ คว้าออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากอเมริกาไปครอง มอรีน สทาเพลทั้น คว้าออสการ์สมทบหญิงไปครอง